Search
Close this search box.
Search
Close this search box.

ครอบครัวพลัดพราก แม่จากไปเพราะโควิด

เด็กชายสมจิตร ไร้นามสกุล วัย 7 ขวบ กลุ่มเปราะบาง ไม่มีเลขบัตรประจำตัวประชาชน เกิดมาพร้อมปมความเจ็บปวดจากการถูกพลัดพรากซ้ำแล้วซ้ำเล่า ครั้งแรกเมื่อพ่อเดินหันหลังจากไปตั้งแต่เขาอายุได้เพียง 1 เดือน พออายุได้ 6 ขวบ แม่ก็เสียชีวิต จากโควิด 19 เมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา ครั้งที่สองนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันสมจิตรไม่ทันได้เตรียมใจมาก่อน

วิกฤติซ้อนวิกฤติ ชีวิตถอยหลัง

“สมจิตร” ควรเติบโตไปข้างหน้า แต่กลับถูกความไม่พร้อมเหนี่ยวรั้งให้เขาถอยเท้าก้าวกลับไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่าตอนนี้สมจิตรได้ย่างเท้าสู่บันไดการศึกษาและกำลังเรียนอยู่ ป.1 แต่ด้วยวิกฤติซ้อนวิกฤติที่ประเดประดัง ทำให้ยากเกินกว่าที่เด็กคนหนึ่งจะเติบโตและไต่ขึ้นจากหลุมดำของชีวิตตามลำพัง หลังจากที่แม่ของสมจิตรเสียชีวิต ยายตัดสินใจกำเงินทั้งหมด ที่เก็บไว้ออกตามหาหลาน จนได้พบกัน ความหวังเล็ก ๆ ของสมจิตรกำลังจะเกิดขึ้น บ้านอยู่ห่างไกลยายอายุกว่า 60 ปี เป็นกลุ่มชาติพันธุ์มอญ มีโรคภัยรุมเร้า ความดัน เบาหวาน เข้าออกโรงพยาบาลบ่อยครั้ง จำใจต้องขายบ้านเพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาล แม้ว่ายายจะรักหลานมากเท่าไหร่ แต่ความลำบากยากแค้นฉุดรั้งให้ทั้งสองต้องไกลห่างยายอายุมากและไม่มีกำลังพอที่จะประคับประคองเลี้ยงดูหลานต่อไป จึงตัดสินใจฝากเลี้ยง !!

มีโรงเรียนเป็นที่พึ่งต่างบ้าน

สมจิตรใช้ชีวิตสัปดาห์ละ 7 วัน ที่โรงเรียน ตชด. ใน “โครงการเด็กบ้านไกล” ที่นี่มีอาคารเล็ก ๆ ให้เด็กกว่า 20 คน ได้มีที่ซุกตัวนอน มีอาหารครบ 3 มื้อ ผลผลิตทั้งหมดมาจากเรี่ยวแรงของเด็ก ๆ ไม่ว่าจะช่วยกันเลี้ยงไก่ ปลูกผัก ทุกวันสมจิตรมีหน้าที่รับผิดชอบเวรทำความสะอาดห้องน้ำ ล้างจาน ตั้งแต่เริ่มเข้า ป.1 แต่โครงการนี้จะดูแลเด็กบ้านไกลจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เท่านั้น !!

อยากเรียนให้จบปริญญาตรี ความฝันที่เกินไขว่คว้า ?

 “ผมอยากเป็นนักฟุตบอล อยากเรียนจบปริญญาตรี ผมจะดูแลยายเองครับ” สมจิตรพูดด้วยสีหน้าแววตามุ่งมั่นพร้อมเอามือปาดน้ำตาที่ไม่อาจเก็บกลั้นเอาไว้ในช่วงเวลาที่เด็กยังเยาว์วัยและหัวใจเปราะบาง “การอุปการะเด็ก” ไม่ใช่แค่เป็นการให้เด็กมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเดียวเท่านั้นแต่ช่วยป้องกันไม่ให้เด็กเคว้งคว้าง หรือรู้สึกว่ากำลังถูกสังคมผลักออกไปให้ไกลห่างจากความรักที่เด็กคนหนึ่งควรจะได้รับ